หน้าหลัก กลุ่มนครนายก
[รุ่น 1]
การอบรมสัมนา ข่าวสารประชาสัมพันธ์ คลังความรู้ ประชาสัมพันธ์จังหวัด เวบบอร์ดข่าวสาร ติดต่อสอบถาม

 

      เรื่อง : กกต.กางปฏิทิน 24 ก.พ. 62 วันเลือกตั้ง ส.ส.

      ผู้ส่งข่าว : @ครยก Love You

      ประชาสัมพันธ์ เมื่อ : 20180819 เวลา : 10:13:42      มีผู้อ่านข่าวประชาสัมพันธ์นี้แล้ว   507   ครั้ง


      รายละเอียด :

ประกาศสกัดกั้นคนโกงเข้าสภา พท.จี้ปรามสามมิตร-ปลดล็อก ‘รุ่นใหม่’ เสวนาขอยืนข้าง ปชต.

กกต.ใหม่เครื่องฟิต “อิทธิพร” นำทีมเตรียมการเลือกตั้ง วางค่านิยม 4 ข้อ “เอกภาพ-คุณภาพ-คุณธรรม-คุณค่า” ความกล้าหาญและสุจริตจะเป็นเกราะคุ้มครอง งานเร่งด่วนรับรองผู้ตรวจการเลือกตั้ง “ปกรณ์” ลั่นสกัดคนโกงไม่ให้มีที่ยืนในสภา “สันทัด” ย้ำละวางความสัมพันธ์ส่วนตัว รองเลขาฯ กกต.กางปฏิทินวันหย่อนบัตร 24 ก.พ.62 สั่งทุกจังหวัดแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ “มาร์ค” ขอยึดมั่นความเป็นกลาง “อ๋อย” กระทุ้งอย่าอยู่ใต้อาณัติใคร บี้ คสช.ปลดล็อกทุกคำสั่ง “วรชัย” ฝากจับตาสามมิตร โฆษกสามมิตรย้ำเจตนาบริสุทธิ์ “ท็อป” ชูคนรุ่นใหม่เดินคู่ไปกับมวยเก๋า “ธนาธร” ปลุก “ยังบลัด” กำหนดอนาคตเอง “ไอติม” ชู ปชป.ยุคใหม่ต้องชัดเจนยืนข้าง ปชต. “เดียร์” วอนเลิกใช้วิธีสกปรก “พลังประชารัฐ” ปัดไม่ใช่สมบัติของใคร

หลังมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ จำนวน 5 คน ล่าสุด นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เดินเครื่องทำงานทันที โดยจัดประชุมผู้บริหารและผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.

“อิทธิพร” ปลุก กกต.จัดเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 ส.ค. ที่โรงแรมพินนาเคิล จอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดประชุมผู้บริหารและผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กล่าวเปิดงานว่า ภูมิใจและดีใจที่มีโอกาสเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี้ หนึ่งในองค์กรอิสระที่ร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศทำให้การเลือกตั้งเกิดความสุจริต เที่ยงธรรม เตรียมการจัดการเลือกตั้งให้เป็นตามโรดแม็ปที่รัฐบาลวางไว้ โดย กกต.ชุดเก่ามีการเตรียมความพร้อมไว้เป็นอย่างดี การมีแผน ปฏิบัติการไม่เพียงแค่ทำให้การเลือกตั้งสำเร็จ แต่จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งในและนอกประเทศเข้าถึงการเลือกตั้ง

กล้าหาญ–สุจริตคือเกราะคุ้มครอง

นายอิทธิพรกล่าวเน้นย้ำว่า ขอเน้นย้ำเรื่องความเข้มแข็งขององค์กร ยึด 4 เรื่อง 1.มีเอกภาพ 2.มีคุณภาพ บางสถานการณ์จำเป็นต้องมีวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์ เช่น ในการเลือกตั้ง 3.มีคุณธรรม พนักงานต้องยึดมั่นการทำงานอย่างเป็นธรรม ยุติธรรม เปิดใจกว้าง และ 4.มีคุณค่า การทำงานต้องยึดและปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต กล้าหาญ ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำ ปราศจากอคติ องค์กรต้องกล้าหาญ ถ้าเรากล้าหาญและสุจริตก็จะเป็นเกราะคุ้มครองเรา ขอให้ถือเป็นคุณค่าและค่านิยมขององค์กร ขอให้องค์กรมีความสามัคคี อยากให้องค์กรได้รับรางวัลที่ 1 ด้านความสามัคคี เป็นทีมเวิร์ก ประสานงานกันอย่างเป็นระบบ

ลั่นสกัดไม่ให้คนโกงเข้าสภา

นายปกรณ์ มหรรณพ กกต. กล่าวมอบนโยบายว่า ช่วงนี้มีแต่ข่าวเช็กความพร้อม ทุกฝ่ายต่างคาดหวังถึงความสุจริต และเที่ยงธรรมของ กกต. แต่อะไรคือความสุจริตและเที่ยงธรรม เพราะฝ่ายหนึ่งคาดหวังอย่างหนึ่ง อีกฝ่ายก็หวังอย่างหนึ่ง การทำงานของ กกต.ชุดนี้จะให้ความสุจริตเที่ยงธรรมตามกฎหมาย ดังนั้น ไม่มีทางได้หากท่านไม่สุจริต ส่วนเรื่องภายในองค์กรตนสนใจระบบความก้าวหน้าในหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ เคยเป็นผู้พิพากษามาก่อน จึงมีข้อกำหนดในการทำหน้าที่ว่าหากตนต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อตรวจงาน จะต้องไม่มีการต้อนรับ ไม่มีรถนำ ไม่มีงานเลี้ยงทั้งสิ้น แต่อยากให้เน้นเรื่องความร่วมมือในการทำงานมากกว่า และไม่แคร์ว่าจะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้กี่ปี แต่จะลองดูจะทำให้ดีที่สุด แม้จะเป็นผู้พิพากษามา 36 ปี การทำงานของผู้พิพากษาเมื่อพิจารณาสำนวน ที่หลักฐานไม่ชัด ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องปล่อยแต่มาทำงานนี้หากมีข้อสงสัยจะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน จะทำให้คนที่ไม่สุจริต และคนที่โกงไม่ได้เข้าไป

ให้ละวางความสัมพันธ์ส่วนตัว

นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กกต.กล่าวว่า อยากให้ยึดหลักความซื่อสัตย์ สุจริต ยุติธรรม โปร่งใส และมีความกล้าหาญ ส่วนจะทำอย่างไรให้เป็นที่ยอมรับโดยเฉพาะในต่างประเทศ เพราะเราไม่มีการจัดเลือกตั้งมา 4 ปีกว่าแล้ว จึงเป็นการบ้านที่ทุกคนต้องคิดเพื่อให้การเลือกตั้งได้การยอมรับจากทั้งในและต่างประเทศ หากองค์กรเราได้รับการยอมรับก็จบ ดังนั้น เราต้องเป็นแม่แบบแม่พิมพ์ที่ดี มีความเป็นกลาง และอยากให้ละวางความสัมพันธ์ส่วนตัว เพื่อให้เกิดความเป็นกลาง

กระตุ้นทุกคนทำงานเชิงรุก

นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กกต. กล่าวว่า เรื่องสำคัญที่รอเราอยู่เป็นงานใหม่ที่ไม่เคยทำ ทั้งการเลือก ส.ว. และเลือกตั้ง ส.ส. ถือเป็นภาระยิ่งใหญ่ ยืนยันว่า กกต.ชุดนี้มีความเป็นกลาง ทำงานเพื่อประเทศชาติ กล้าหาญ และทำงานเชิงรุก ต้องเลิกจากวงจรอุบาทว์ ไม่ได้ทำเฉพาะจัดการเลือกตั้ง เราต้องทำภารกิจให้สำเร็จ ส่วนงานด้านไต่สวนสอบสวนวินิจฉัย อยากให้เน้นทำงานเชิงรุก ที่ผ่านมาเรามีแต่นั่งอยู่ที่โต๊ะ มีร้องทุกข์มาเราค่อยลุก ต่อไปนี้อยากทำเรื่องร้องเรียนด้วยตนเอง นำเทคโนโลยีมีแผนการติดตามประเมินผลเป็นแผนการที่ปรับปรุงตลอด

กางปฏิทินวันหย่อนบัตร 24 ก.พ.

ต่อมานายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. ได้นำเสนอร่างแผนปฏิบัติการตามภารกิจการให้ได้มาซึ่ง ส.ว. และภารกิจการเลือกตั้ง ส.ส. ว่าหาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 13 ก.ย. จะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 14 ก.ย. จึงต้องเตรียมการเรื่องบัตร คูหาเลือกตั้ง โดยรูปแบบบัตรไม่เป็นปัญหามากเหมือน ส.ส. และออกระเบียบเพื่อรับสมัคร ส.ว. โดย กกต.จะประสานกับ ครม.เรื่องวันเวลาในการเลือก ส.ว. ต้องเลือก 3 วัน คือในระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ ต้องทำพร้อมกันทั่วประเทศ อาจประกาศผลการได้มาซึ่ง ส.ว.ในวันที่ 22 ม.ค.2562 ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.คาดว่าจะมีการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส. วันที่ 4 ม.ค.2562 และเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.2562 จากการพูดคุยกับ คสช.ที่ผ่านมา ขอให้เราแบ่งเขต 60 วัน ทำไพรมารีโหวต 30 วัน ซึ่งการแบ่งเขตทุกจังหวัดเตรียมการไว้เบื้องต้นแล้ว แต่เป็นการแบ่งตามจำนวนราษฎรเมื่อปี 2559 แต่ขณะนี้กรมการปกครองได้ประกาศจำนวนราษฎรปี 2560 แล้ว จึงขอให้ทุกจังหวัดกลับไปพิจารณาเรื่องแบ่งเขตให้สอดคล้องกับจำนวนราษฎรที่มีการประกาศใหม่

เร่งรับรองผู้ตรวจการเลือกตั้ง

นายอิทธิพรให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการประชุมจัดทำแผนปฏิบัติการเตรียมการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. ว่า เป็นการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง พยายามทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เพราะใกล้เวลาที่กฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จะลงมา โดยกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. มีผลใช้บังคับทันที ถ้าเราไม่เตรียมแผนให้สะเด็ดน้ำอาจไม่ทัน เราเตรียมพร้อมไว้ทุกอย่าง แต่ปัจจัยสำคัญคือผู้ตรวจการเลือกตั้ง ยังอยู่ระหว่างการรับฟังข้อมูล กกต.

พยายามเร่งพิจารณา และประกาศรับรอง

ผู้ตรวจการเลือกตั้ง เราคำนึงถึงกรอบเวลาเป็นหลัก ส่วนเรื่องงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้าง ขณะนี้มีการบังคับใช้ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ เท่าที่ได้รับฟังข้อมูลจากสำนักงานฯ เป็นห่วงในเรื่องภารกิจใหม่ตามกฎหมาย เช่น เรื่องการคุ้มครองพยาน ที่ยังมีปัญหาเรื่องงบประมาณ ตนพยายามศึกษาและกำลังพิจารณาแนวทางแก้ไขกับฝ่ายปฏิบัติ เพื่อไม่ให้มาเป็นปัญหาต่อการจัดการเลือกตั้ง

ไม่ใช่หน้าที่ กกต.ตอบไพรมารี

นายอิทธิพรกล่าวว่า ส่วนการหารือร่วมกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 20 ส.ค. ทราบจากข่าวว่าจะมีการหารือเรื่องการทำไพรมารีโหวต หรือการใช้มาตรา 44 แบ่งเขตเลือกตั้ง แต่หลังการหารือจะนำไปสู่การกำหนดวันที่ คสช.จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพรรคการเมืองในครั้งที่ 2 หรือไม่ยังตอบไม่ได้ เพราะ กกต.ต้องกลับมาหารืออีกครั้งก่อน เรื่องนี้ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบพิจารณา ตนและกรรมการ กกต.ที่เหลือ ตั้งใจจะไม่ตอบในนามส่วนตัวในเรื่องไพรมารีโหวต คิดว่า กกต.ไม่ควรเป็นผู้ตอบว่าควรทำหรือไม่ เชื่อว่ารัฐบาลและพรรคการเมืองรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ส่วน กกต.เห็นว่าควรเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วม

“ไพฑูรย์” ฉลองวันเกิดครบ 82 ปี

ช่วงเช้าที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมว.แรงงาน และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ จัดงานวันคล้ายวันเกิดครบ 82 ปี มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค รวมถึงนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมอวยพร ต่อมานายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ระบุจะแก้ปัญหารถติดใน กทม.ให้ได้ภายใน 3 เดือน ว่า ยังไม่ทราบว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างไร แต่อยากให้ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เพราะปัญหานี้ไม่ใช่แก้ได้ง่ายๆ สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่ หลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายสาย จะมีแผนบรรเทาความเดือดร้อนที่ชัดเจนอย่างไร ขออะไรที่เป็นรูปธรรมมีความเป็นไปได้ดีกว่า ประชาชนจะได้ตรวจสอบผลงานได้ และหากแก้ไขปัญหาเรื่องรถนำขบวนได้จริงถือเป็นเรื่องดี เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการหาเสียงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้าสามารถแก้ปัญหาได้ก็ดี

“อภิสิทธิ์” ขอ กกต.ใหม่เป็นกลาง

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการเข้ารับตำแหน่งและเริ่มปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ ที่มีนายอิทธิพร บุญประคอง เป็นประธาน กกต. ว่า ขอเอาใจช่วย ถือว่าเป็นงานที่หนักมาก ที่ กกต.ต้องเร่งปรับกฎระเบียบต่างๆ ตามกฎหมายใหม่ และมีเวลาจำกัดก่อนเลือกตั้ง ส.ส.และการคัดเลือก ส.ว. อยากให้กำลังใจ กกต.ชุดใหม่ สร้างความมั่นใจยึดมั่นความเป็นกลาง ความเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ

“วิรัช” ไม่รับ “บิ๊กตู่” เยือนระนอง

ด้านนายวิรัช ร่มเย็น อดีต ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. จัดประชุม ครม.สัญจร จ.ระนอง และชุมพร ในวันที่ 20-21 ส.ค. ว่า ต้องขออภัยที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับคณะนายกฯ ที่ให้เกียรติมาจัด ครม.สัญจรที่ระนอง เพราะติดนัดหมายเรื่องคดีความช่วยชาวบ้าน จึงไม่ได้อยู่ในพื้นที่รอต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่อยากฝากข้อคิดถึงนายกฯ และรัฐบาลว่า อย่าคิดเหมือนรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่เห็นว่าระนองเป็นจังหวัดเล็ก แล้วจัดงบประมาณมาให้เพียงเล็กน้อย เพราะระนองถือเป็นหัวเมืองหลักด้านอันดามันที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว แต่ที่ผ่านมาถูกมองข้ามไป อีกเรื่องที่อยากให้พิจารณาคือ ระนองมีท่าเรือน้ำลึก สามารถรองรับเรือเดินสมุทรขนส่งสินค้าทางทะเล หรือเรือท่องเที่ยวระดับโลกได้ อยากให้รัฐบาลใช้เพิ่มศักยภาพทั้งด้านการขนส่งทางทะเล และด้านการท่องเที่ยวให้บูมมากกว่านี้ เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้ว นายกฯ เคยพูดเองว่าจะสร้างทางรถไฟสายระนอง-ชุมพร เปิดการท่องเที่ยวเชื่อมต่อระหว่างอ่าวไทย-อันดามัน

“อ๋อย” บี้ คสช.ปลดล็อกทุกคำสั่ง

ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มสามมิตรระบุจะเคลื่อนไหวน้อยลง ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรมีทั้งที่ควรทำและไม่ควรทำ สิ่งที่ไม่ควรทำคือการไปดูดนักการเมืองด้วยเงื่อนไขที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือใช้วิธีการที่เป็นการทำลายระบบการเมือง แต่การไปพบประชาชนควรให้ทำได้ ปัญหาอยู่ที่คำสั่ง คสช.ยังห้ามชุมนุมหรือมั่วสุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป แต่กลุ่มสามมิตรได้รับอภิสิทธิ์จาก คสช.มาตลอด ดังนั้นไม่ใช่ไปห้ามกลุ่มสามมิตรไม่ให้ทำอะไรเลย แต่ควรยกเลิกคำสั่งห้ามทั้งหมดเสียที แล้วเปิดให้ทุกพรรคปฏิบัติมาตรฐานเดียวกัน ตามครรลองประชาธิปไตย

กระทุ้ง กกต.อย่าอยู่ใต้อาณัติ

นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า ส่วนการทำงานของ กกต.ชุดใหม่ ควรแสดงให้เห็นว่าเป็นกลาง ทำงานตรงไปตรงมา ไม่ควรทำตัวเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ของ คสช. หรือรัฐบาล เพราะไม่ใช่เจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญที่ให้มีองค์กรอย่าง กกต.ขึ้นมา และ กกต.ควรเสนอ คสช.ให้ยกเลิกคำสั่งที่ห้ามนักการเมือง พรรคการเมืองทำกิจกรรม และควรห้ามปรามกลุ่มสามมิตรหากทำในลักษณะซื้อตัว ส.ส. ให้อามิสสินจ้างที่จะไปเอื้อให้บุคคลหนึ่งมาเป็นนายกฯ หรือบอกกับสังคมว่าอะไรไม่ควรทำ อะไรทำลายระบบพรรค การเมือง พร้อมรวบรวมความคิดเห็นปัญหาพรรค การเมือง การเลือกตั้ง เสนอให้ คสช.แก้ไขโดยเร็ว ไม่ใช่อยู่เฉยๆ ไปเรื่อยๆ ส่วนกรณีที่ สนช.ถอยแก้กฎหมายประเด็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง แสดงให้เห็นว่าเสียงประชาชนเป็นประโยชน์อยู่ และเป็นบทพิสูจน์ว่าแม้องค์กรที่มาจากเผด็จการ ยังไม่กล้าฝ่าฝืนเสียงของประชาชน

“วรชัย” ฝากจับตาสามมิตร

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มั่นใจว่า กกต.ชุดใหม่จะทำหน้าที่บนพื้นฐานความเป็นกลาง ความเป็นธรรม และความถูกต้อง ให้ความเสมอภาคกับพรรคการเมืองอย่างเท่าเทียม ทั้งพรรคการเมืองที่หนุนผู้มีอำนาจและพรรคการเมืองที่อยู่ตรงกันข้าม เพื่อให้การเลือกตั้งมีความชอบธรรม และได้รับความเชื่อถือจากทั้งในและต่างประเทศ ไม่มีใครครหาถึงความเป็นกลางได้อีก แต่สิ่งที่อยากฝากถึง กกต.ชุดใหม่คือ กรณีการเดินสายของกลุ่มสามมิตร แม้จะอ้างว่าไม่ใช่พรรคการเมือง แต่สิ่งที่เขาทำเป็นกิจกรรมทางการเมืองชัดเจน ดูดนักการเมืองต่อเนื่อง และยังประกาศตัวชัดว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกฯต่อ กกต.ควรเข้าไปดูว่าสิ่งเหล่านี้ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.หรือไม่

สามมิตรย้ำเจตนาบริสุทธิ์

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า ยืนยันว่ากลุ่มสามมิตรยังคงเดินหน้าลงพื้นที่ แต่จะปรับแนวทางให้เป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่ เช่น ให้ชาวบ้านร้องเรียนปัญหาผ่านตัวแทนในพื้นที่แล้วส่งต่อให้กลุ่มสามมิตร กลุ่มสามมิตรไม่เคยคุยเรื่องการเมือง เราต้องการรับฟังปัญหาประชาชน แต่ยอมรับ คำวิจารณ์ของหลายฝ่าย คงไม่ไปตอบโต้ เพราะต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ใช้การเมืองแบบเก่าๆไม่ได้ ส่วนการปรับแนวทางการเคลื่อนไหวไม่ใช่ลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายการเมือง เพราะเรายืนยันในเจตนาที่บริสุทธิ์ เพียงแต่ไม่อยากทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ ที่ผ่านมาประชาชนส่งผ่านปัญหามาเพราะเห็นว่าเราสามารถนำปัญหาเสนอรัฐบาล และทำให้เกิดการแก้ไขได้จริง โดยสัปดาห์หน้าสมาคมโคเนื้ออีสาน และสภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น ได้เชิญนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ไปบรรยายพิเศษ “โคล้านตัว สร้างอาชีพเกษตรกรทั่วไทย ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน” มั่นใจว่าการไปร่วมงานดังกล่าวคงไม่ใช่การทำผิดกฎหมาย เพราะไม่ใช่การพูดคุยเรื่องการเมือง

ชพน.ขอ กกต.เป็นกลางไม่ถูกครอบ

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับ กกต.ชุดใหม่ และเป็นกำลังใจให้ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง กล้าตัดสินใจ ไม่ถูกครอบงำ เพราะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศชาติและประชาชน ความมั่นใจด้านการลงทุนขณะนี้ผูกไว้กับการเลือกตั้ง รวมทั้งบรรยากาศทางการเมืองในประเทศ การทำหน้าที่ของ กกต.เพื่อให้เกิดการยอมรับจากทั้งในและนอกประเทศ ว่าเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ถูกต้อง เป็นธรรม ได้คนดีคนเก่งเข้ามาบริหารประเทศ จึงเป็นปัจจัยสำคัญต่ออนาคตของบ้านเมือง เราพร้อมให้ความร่วมมือกับ กกต.เต็มที่ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย

ชทพ.แนะดูมิติกฎหมายให้ดี

นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี กับวิสัยทัศน์ของ กกต.ชุดใหม่ ที่ยึดคาถาเป็นกลางไม่ถูกครอบงำ ทำให้รู้สึกว่าเป็นที่คาดหวังได้ แต่บทบาทของ กกต.ตามกฎหมายใหม่ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมพอสมควร โครงสร้างการบริหารจัดการไปอยู่ที่สำนักงานกกต. ขณะที่นายทะเบียนพรรคการเมือง เดิมเป็นอำนาจของประธานก็มาอยู่เลขาธิการ กกต. จากนี้ไป กกต.ต้องเผชิญสถานการณ์ทางกฎหมายที่มี 2 มิติ ควบคู่กัน คือจากกฎหมายปกติ และจากคำสั่ง คสช. ซึ่งเป็นสิ่งที่ตีความตามกระบวนการปกติไม่ได้ เพราะต้องไปถาม คสช.ด้วย สถานการณ์เช่นนี้จึงอยากให้ กกต.เช็กเจตนารมณ์ของกฎหมายทั้ง 2 มิตินี้ให้ดี มิเช่นนั้นจะทำงานยาก และสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องเผชิญ แค่รักษาตัวให้ความเป็นกลางก็ถือว่ายาก ขอให้โชคดี กกต.ใหม่ต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นสรณะที่เชื่อถือได้ การเมืองที่ร้อนก็จะเย็นลงไปได้

“ท็อป” ชูคนรุ่นใหม่เดินคู่มวยเก๋า

วันเดียวกันเวลา 14.20 น. ที่อาคารเกษม คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนา “การเมืองกับคนรุ่นใหม่” โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า คนรุ่นใหม่มีแนวคิดใหม่ๆที่จะเข้ามาขับเคลื่อนประเทศ คนรุ่นเก่ามีประสบการณ์ที่สะสมมานาน เราต้องใช้วิสัยทัศน์ของคนรุ่นใหม่ และประสบการณ์ของคนรุ่นเก่า ทำให้ ประเทศมั่นคง การสร้างสังคมใหม่ต้องใช้อิฐทุกก้อน แต่ด้วยระบบสังคมอุปถัมภ์ จึงเป็นอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้คนรุ่นใหม่ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก การแก้ปัญหาเหล่านี้ต้องร่วมกันผลักดันให้มีการเลือกตั้ง ให้คนรุ่นใหม่มีสิทธิกำหนดอนาคตของตัวเอง พรรคชาติไทยพัฒนาจึงเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนในการบริหารพรรค โดยมีคนรุ่นเก่าให้คำปรึกษา

“ธนาธร” ปลุก “ยังบลัด” วางอนาคต

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเรามีรัฐบาลที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยถึง 3 ครั้ง คือมีการรัฐประหาร 2 ครั้ง มีการย้ายขั้วตั้งรัฐบาลใหม่ 1 ครั้ง 20 ปีที่ผ่านมามีความขัดแย้งทางการเมืองสูง ต่อไปคนที่อยู่ในยุคนี้ต้องอยู่กับอนาคตที่ไม่มีเสถียรภาพ คนรุ่นใหม่ต้องไปอยู่ในอนาคตที่ร่างโดยกลุ่มคนที่จะไม่อยู่ในอนาคต เพราะคนที่ร่างอนาคตให้คนรุ่นใหม่ เป็นพวกที่อายุมาก ดังนั้น เป็นความชอบธรรมที่คนรุ่นใหม่จะกำหนดอนาคตของตัวเอง

“ไอติม” ชูโหวตออนไลน์ผู้นำ ปชป.

ด้านนายพริษฐ์ หรือไอติม วัชรสินธุ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่ต้องมีเสียงดังเท่าคนรุ่นเก่า ตอนนี้สังคมคาดหวังกับคนรุ่นใหม่มาก เพราะมองว่ามีศักยภาพ วันนี้ประเทศต้องปรับตัวให้ทันยุคสมัยด้วยคนรุ่นใหม่ แต่ต้องไม่ทิ้งคนรุ่นเก่าไว้ข้างหลัง อุปสรรคที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง ตราบใดที่ยังมี รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ประชาชนยังไม่สามารถ แสดงความคิดเห็นโดยปราศจากความหวาดกลัว ยังเลือกสังกัดพรรคไม่ได้ ดังนั้นขั้นตอนแรกคือต้องกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย สนับสนุนพรรค การเมืองที่สนับสนุนประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง แล้วแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ให้โอกาสคนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในหลายเรื่อง ขอให้สัญญาว่าเมื่อมีการปลดล็อกจะให้บทบาทสมาชิกพรรคมีส่วนโหวตออนไลน์เลือกหัวหน้าพรรค และพรรคประชาธิปัตย์จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ต้องชัดเจนว่าจะเป็นฝ่ายประชาธิปไตย และไม่อยู่ใต้อิทธิพลของคนใดคนหนึ่ง มีหัวหน้าพรรคและนโยบายที่ประชาชนต้องการ ส่วนการเลือกนายกฯคนนอกนั้น ตนจะไม่ยกมือให้นายกฯคนนอก และหวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ยกมือให้นายกฯคนนอกเช่นกัน

“เดียร์” วอนเลิกใช้วิธีสกปรก

ขณะที่ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า บทบาทของคนรุ่นใหม่ประชาชนทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ประเทศไทยห่างหายจากการเลือกตั้งมานาน ทั้งที่เป็นมาตรฐานขั้นต่ำของการมีส่วนร่วมทางการเมือง เมื่อไม่มีการเลือกตั้งทุกคนจึงส่วนร่วมทางการเมืองน้อยลง หลังจากนี้ทุกพรรคต้องมีหลักการร่วมกัน คือผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งที่โปร่งใสยุติธรรม ไม่ใช้วิธีการสกปรกเพื่อให้เกิดการยุบพรรค และแก้ไขผลพวงที่เกิดจากเผด็จการ

“พลังประชารัฐ” ไม่ใช่สมบัติใคร

นายชวน ชูจันทร์ ผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เคยเป็นคนรุ่นใหม่เมื่อปี 2520 วันนี้บทบาทของคนรุ่นในอนาคตต้องทำความเข้าใจหลายอย่าง เพราะมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้มากกว่าในอดีต เพื่อเข้ามามีบทบาทขับเคลื่อนอนาคตประเทศ หากเข้าใจปัญหาที่ผ่านมา จะสามารถกำหนดบทบาทตัวเองในอนาคตได้ กรณีที่หลายคนมองว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นแม่เหล็กดึงดูดพรรคต่างๆมาเข้าร่วมนั้น การที่มีหลายพรรคร่วมงานเยอะเป็นสิ่งดี เพราะพรรค การเมืองไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นสมบัติของทุกคน เป็นสถาบันที่ทุกคนสามารถร่วมกันได้ เราเปิดกว้างให้คนที่มีอุดมการณ์และนโยบายเดียวกันมาร่วมงาน

ร้อง รมว.คลังแจงตัวเลขขาดทุน

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ประชุม สนช. มีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดินที่ผ่านมา ในรายงานดังกล่าวตรวจสอบรับรองโดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ ครม.มีมติรับทราบเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2561 แต่ไม่มีผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว ณ วันที่ 30 ก.ย.2557 จำนวน 536,908.30 ล้านบาท ที่มีการ ระบุในคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ในคดีรับจำนำข้าว ไว้ในรายงานดังกล่าว มีเพียงตัวเลขค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ 301,100.79 ล้านบาท จึงมีข้อสังเกตว่าผลขาดทุนจำนวน 536,908.30 ล้านบาท ที่ถูกกล่าวอ้างในคดีนั้นไม่มีอยู่จริงใช่หรือไม่ ทั้งนี้ผลขาดทุนที่ใช้ในคดีเกิดจากการตีค่าคุณภาพข้าวให้เสื่อมกว่าความเป็นจริง แต่จากการตรวจสอบรับรองโดย สตง. ย่อมแสดงว่าข้าวในขณะนั้นเป็นข้าวดีไม่ได้เสื่อมสภาพ จึงมีเหตุให้คิดตามว่าการที่รัฐบาลนำข้าวดีไปขายเป็นข้าวเสื่อมนั้น ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐหรือไม่ รวมถึงยังมีกระแสข่าวข้าวหายไปอีกว่า 1 ล้านตัน ด้วยเหตุนี้จึงจะไปยื่นหนังสือให้ รมว.คลังตรวจสอบ และชี้แจงต่อสังคมว่า เหตุใดในรายงานการเงินแผ่นดิน ณ วันที่ 30 ก.ย.2558 จึงไม่มีผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว และเมื่อผลการตรวจสอบของ สตง.ถูกต้องแล้ว ครม.และ สนช. รับทราบแล้ว แสดงว่าผลขาดทุนไม่มีอยู่จริงใช่หรือไม่

พท.ไล่บี้สอบโครงการกำจัดขยะ

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีโครงการจัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจรเพื่อแปรรูปผลิตพลังงาน หรือโรงไฟฟ้าขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 7,852 แห่ง ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวง มหาดไทย ที่ใช้งบประมาณมหาศาล 178,000 ล้านบาท มีข้อสงสัยว่าอาจมีการทุจริตเชิงนโยบายหรือไม่ และมีข้อสังเกตว่าเหตุใดนายกฯจึงใช้มาตรา 44 งดเว้นการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยกเว้นกฎหมายผังเมือง และการที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ปฏิเสธว่าลูกชายไม่เกี่ยวข้อง แต่เหตุใดจึงมีนัดหมายกับผวจ.ภูเก็ตเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา หากเป็นช่วงปกติ รมว.มหาดไทย คงถูกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว ดังนั้นสังคมคงอยากเห็นนายกฯที่ให้ความสำคัญกับนโยบายปราบปรามการทุจริต ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าส่อว่ามีการทุจริตในขั้นตอนใดหรือไม่ โดยเฉพาะการตรวจสอบว่าลูกชาย พล.อ.อนุพงษ์ อาศัยอำนาจและบารมีของบิดาเข้าไปทำธุรกิจโครงการนี้จริงหรือไม่

“เทือก”ดิ้นแจงปมฉาวสุดฤทธิ์

วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กเป็นวันที่ 3 ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ กรณีสร้างแฟลตตำรวจ 163 แห่ง และโรงพักทดแทน 396 แห่ง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า โครงการนี้ที่สตช.เสนอมา มี พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.สมัยนั้น เป็นประธานกรรมการพิจารณาข้อดีข้อเสียของการเลือกรูปแบบ วิธีสร้าง และมีมติว่าเห็นควรดำเนินการสร้างโดยแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ขณะนั้น ก็เห็นชอบด้วย และเสนอตนให้พิจารณา ถ้า พล.ต.ท.พงศพัศเชื่อว่าตนทุจริต หรือโครงการนี้มีทุจริต ทำไมจึงเซ็นหนังสือให้ความเห็นชอบมาตามลำดับ ถ้ารู้ว่าตนทำผิดทำไมไม่ดำเนินคดี การไม่ดำเนินคดีทั้งๆที่รู้ เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำไม ป.ป.ช.ไม่สนใจประเด็นนี้ แต่มุ่งมาที่ตน จึงมีสิทธิสงสัยว่ามีอคติกับตนหรือไม่

 

 

 

 

 

มีผู้อ่านข่าวสารของกลุ่มแล้วจำนวน       ราย