เรื่อง : เช็กผลลงทะเบียนคนจน 15 ก.ย. 3 ช่องทาง มีผู้ผ่านเกณฑ์ 11.4 ล้านคน

      ผู้ส่งข่าว : เชาว์ลิตร์ ชัยลิ้นฟ้า

      ประชาสัมพันธ์ เมื่อ : 20170914 เวลา : 07:38:22      มีผู้อ่านข่าวประชาสัมพันธ์นี้แล้ว   609   ครั้ง




      รายละเอียด :

คลัง ประกาศผลลงทะเบียนคนจน 11 ล้านกว่าคน ตั้งแต่ 15 ก.ย. นี้ เป็นต้นไป ผ่าน 3 ช่องทาง แจงผู้ผ่านคุณสมบัติ ให้ไปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 21 ก.ย. ส่วนผู้ไม่ผ่าน สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ภายใน 29 ก.ย. ...

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ร่วมแถลงการประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยสามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 2560 เป็นต้นไป ผ่าน 3 ช่องทาง

สำหรับผู้ที่ผ่านการตรวจสอบสามารถไปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ที่หน่วยงาน/สาขาที่ได้ไปลงทะเบียนไว้ ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. 2560 ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ สามารถยื่นขออุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 29 ก.ย. 2560

ส่วนมีสาระสำคัญได้ ดังนี้

1. ผลการตรวจสอบผู้ผ่านคุณสมบัติ กระบวนการคัดกรองคุณสมบัติจาก 26 หน่วยงานตรวจสอบ ได้เสร็จสิ้นลงในวันที่ 8 ก.ย. 2560 พบว่า จากผู้ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนฯ ทั้งหมดจำนวน 14,176,170 คน มีผู้ที่ผ่านคุณสมบัติจำนวน 11,431,681 คน และมีผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติจำนวน 2,744,489 คน

2. การประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติ กระทรวงการคลังจะเปิดให้ตรวจสอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 2560 เป็นต้นไป ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้

ช่องทางที่ 1 ตรวจสอบด้วยตัวเองหรือขอความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ได้แก่ www.epayment.go.th , www.mof.go.th และ www.fpo.go.th โดยพิมพ์เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักลงไปในช่องที่กำหนด ระบบจะแจ้งผลการตรวจสอบ

ช่องทางที่ 2 ตรวจสอบผ่านสายด่วน 6 หน่วยงาน ในเวลาราชการ ได้แก่ 1) Call center ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 1359 2) Call center ของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 0-2555-0555 3) Call center ของ ธนาคารออมสิน 1115 4) Call center ของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 0-2111-1111 5) Call center ของกรมบัญชีกลาง 0-2270-6400 และ 6) เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต

ช่องทางที่ 3 ตรวจสอบ ณ ที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหน่วยงานอื่นตามที่กรมการปกครองเห็นสมควร และสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร โดยกระทรวงการคลังจะส่งรายชื่อแยกตามจังหวัด อำเภอ และตำบล ส่งให้กระทรวงมหาดไทย และแยกเป็นรายเขตส่งให้กรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินการติดประกาศผู้มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่อไป

3. กระบวนการอุทธรณ์คุณสมบัติ

ส่วนกรณีผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและต้องการอุทธรณ์ สามารถขออุทธรณ์ให้ตรวจสอบคุณสมบัติใหม่ได้ภายในวันที่ 29 ก.ย. 2560 โดยปฏิบัติตาม 7 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1 ผู้ลงทะเบียนตรวจสอบผลผ่าน 3 ช่องทางที่ได้กล่าวไปแล้ว และหากพบว่าคุณสมบัติไม่ผ่าน

ขั้นตอนที่ 2 บนหน้าจอแสดงผลจะระบุคุณสมบัติที่ไม่ผ่าน และหากผู้ลงทะเบียนต้องการอุทธรณ์ ให้กดปุ่ม “ยื่นคำขออุทธรณ์”

ขั้นตอนที่ 3 กรอกแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อขออุทธรณ์ โดยหลังจากกดปุ่ม ยื่นอุทธรณ์ ระบบจะถามวันเดือนปีเกิด เพื่อยืนยันตัวบุคคล พร้อมทั้งเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ หลังจากนั้นให้กดปุ่มสีเหลืองด้านล่างของหน้าจอที่เขียนว่า “บันทึกและส่งคำขออุทธรณ์”

ขั้นตอนที่ 4 หลังจากกดปุ่มบันทึกและส่งคำขออุทธรณ์แล้ว ข้อความบนปุ่มสีเหลืองจะเปลี่ยนเป็น “อยู่ระหว่างการอุทธรณ์”

ขั้นตอนที่ 5 หลังจากปิดรับการยื่นขออุทธรณ์ กระทรวงการคลังจะรวบรวมข้อมูลส่งให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติตามคำขออุทธรณ์ต่อไป

ขั้นตอนที่ 6 หน่วยงานตรวจสอบใช้เวลา 1 สัปดาห์ในการตรวจสอบ และส่งผลการอุทธรณ์กลับมาให้กระทรวงการคลังภายในวันที่ 16 ต.ค. 2560

ขั้นตอนที่ 7 กระทรวงการคลังประกาศผลการอุทธรณ์ในวันที่ 24 ต.ค. 2560 ผ่าน 2 ช่องทางเท่านั้น ได้แก่ www.epayment.go.th และสายด่วน 6 หน่วยงาน หากผลการอุทธรณ์ยืนตามผล ครั้งแรกคือไม่ผ่าน ผู้ยื่นอุทธรณ์จะไม่มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการ ทั้งนี้ หากผู้อุทธรณ์ยังมีข้อสงสัยในผลการอุทธรณ์ ให้ติดต่อสอบถามหน่วยงานที่ตรวจสอบคุณสมบัตินั้นๆ โดยตรง แต่หากผลการอุทธรณ์ปรากฏว่าผ่านคุณสมบัติ ผู้ยื่นอุทธรณ์จะได้รับบัตรฯ ต่อไป

4. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถไปรับบัตรฯ ได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ได้ไปลงทะเบียนไว้ ได้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. 2560 เป็นต้นไป

ทั้งนี้การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมี 2 หมวด ได้แก่ หมวดการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งประกอบด้วย 1.วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตร จากร้านธงฟ้าประชารัฐ โดยผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อคนต่อปี จะได้รับ 300 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท จะได้รับ 200 บาทต่อคนต่อเดือน และ 2.วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน

ส่วนหมวดการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งประกอบด้วย 1.วงเงินค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน 2.วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อคนต่อเดือน และ 3.วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน

รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อ Call Center ของบัตรฯ ได้ที่ 0-2109-2345 จำนวน 150 คู่สาย วันจันทร์-วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 – 17.30 น.

 

 

 


มีผู้อ่านข่าวแล้วจำนวน       ราย