รายละเอียด : ครบรอบปีที่ 55 กรมการพัฒนาชุมชน น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สร้างสุข 2 เท่าให้ชุมชน
เมื่อวันที่ 2 ต.ค.60 นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานงานวันก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชน ประจำปี 2560 โดยมีนายสุวนัย ทองนพ, ดร.ยุวัฒน์ วุฒิเมธี, นายอภัย จันทนจุลกะ , นายไพโรจน์ พรหมสาส์น และนายชุมพร พลรักษ์ อดีตอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหาร ข้าราชการและลูกจ้างกรมการพัฒนาชุมชน หน่วยงานภาคี พร้อมด้วยสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ ห้องสัมมนา 3003 ชั้น 3 กรมการพัฒนาชุมชน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
นายอภิชาติ เผยว่า "ในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นวันคล้ายวันก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชน ครบรอบปีที่ 55 และกำลังก้าวสู่ปีที่ 56 ซึ่งการทำงานในปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็น "ปีแห่งการเร่งเปลี่ยนแปลง" ได้มีการประกาศ Agenda ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย 3 ปัจจัยขับเคลื่อน คือ สัมมาชีพ, OTOP, และเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ "เศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน" หรือสัมมาชีพ ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพมีรายได้ ชาวบ้านสอนชาวบ้านด้วยกันเอง ต่อมาคือ "เศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้าขั้นที่ 1" หรือ OTOP นั่นคือพอมีอาชีพแล้ว ก็มีการรวมกลุ่มอาชีพเกิดเป็นวิสาหกิจชุมชน เป็นกลุ่ม OTOP ต่างๆ และพัฒนาสู่ "เศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้าขั้นที่ 2" นั่นคือรูปแบบที่เรียกว่า SE หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม คือมีการต่อยอดเครือข่าย เกิดผลกำไร แล้วนำกำไรที่ได้ไปสนับสนุนให้เกิดรายได้ กลุ่มอาชีพ กลุ่มเครือข่ายต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างความยั่งยืน"
อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า จากผลงานซึ่งก่อให้เกิดผลดีและประโยชน์ต่อประชาชนอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ทำให้กรมฯ ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นมากกว่า 7 พันล้านบาท ในปี 2561 และตำแหน่งพัฒนาการจังหวัดยังได้รับการกำหนดตำแหน่งเป็นระดับอำนวยการสูงเพิ่มขึ้น 32 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีรางวัลแห่งความภาคภูมิใจที่กรมฯได้รับเป็นรางวัลระดับประเทศ จำนวน 2 รางวัล คือ รางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2560 สาขาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ หมวด 1 ด้านการนำองค์การและความรับผิดชอบต่อสังคม และสาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม
สำหรับในปีงบประมาณ 2561 กรมฯ ยังคงขับเคลื่อนงานใน 3 เรื่องหลัก คือ สัมมาชีพ OTOP และ SE แต่จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น และขยายขอบเขตของงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมให้ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งปี 2561 ยังเป็นการครบรอบ 55 ปีของการก่อตั้ง กรมฯ จึงตั้งเป้าที่จะสร้างสุข 2 เท่าให้กับชุมชน ซึ่งขณะนี้กรมฯ เดินมาถูกทางแล้ว จึงต้องขับเคลื่อนงานเพื่อสานต่อในเรื่องเดิมต่อไป แต่จะทำให้มากขึ้น เพิ่มความประณีต และเน้นการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ รวมถึงเชื่อมโยงการทำงานของหน่วยงานราชการและภาคีให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การขับเคลื่อนงานของกรมฯ ยังหนุนเสริมด้วย "การบูรณาการทุนชุมชน" เพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้แก่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นต้น
"งานและภารกิจเหล่านี้จะสำเร็จได้จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนทุกระดับ ผู้นำชุมชน องค์กรชุมชน และเครือข่าย ตลอดจนภาคีการพัฒนาต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทั้งสิ้น ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราทุกคนจะยังคงมุ่งมั่น ทุ่มเท ร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อทำให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริง นำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและความสุขให้แก่ทุกชุมชนอย่างยั่งยืน" อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าว