เรื่อง : รัฐบาลแจงงบปี 62 ขาดดุลมุ่งสร้างรากฐานประเทศให้แข็งแกร่ง ย้ำใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าภายใต้กฎหมายวินัยการเงิน-คลัง พร้อมกำชับหน่วยงานรัฐปรับปรุงบริการเพิ่มความสะดวกแก่ SMEs

      ผู้ส่งข่าว : นาย ไชยยันต์ พงศะบุตร

      ประชาสัมพันธ์ เมื่อ : 20180615 เวลา : 07:14:22      มีผู้อ่านข่าวประชาสัมพันธ์นี้แล้ว   354   ครั้ง




      รายละเอียด :

รัฐบาลแจงงบปี 62 ขาดดุลมุ่งสร้างรากฐานประเทศให้แข็งแกร่ง ย้ำใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าภายใต้กฎหมายวินัยการเงิน-คลัง พร้อมกำชับหน่วยงานรัฐปรับปรุงบริการเพิ่มความสะดวกแก่ SMEs

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าววิจารณ์การตั้งงบประมาณปี 2562 ขาดดุลจะเป็นการสร้างหนี้ในอนาคต ว่า อยู่ที่มองมุมของแต่ละคน หากมองเพียงแค่ตัวเลขงบขาดดุลก็อาจรู้สึกว่าเป็นการสร้างภาระหนี้ แต่ในฐานะของรัฐบาลแล้วการขาดดุลงบประมาณเป็นการนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อให้เกิดการจ้างงาน ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ สนับสนุนให้ประเทศฟื้นตัว พัฒนาขีดความสามารถของภาคธุรกิจ และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งการขาดดุลดังกล่าวอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่กระทบต่อวินัยทางการเงินการคลัง

"การลงทุนในวันนี้เพื่อผลตอบแทนที่คุ้มค่าในวันหน้า เป็นการลงทุนที่เน้นสร้างรากฐานให้แข็งแกร่งหลังจากที่ประเทศไทยไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เช่นนี้มานานแล้ว เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง การบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาคน ฯลฯ และรัฐคาดว่าปีนี้จะจัดเก็บรายได้ราว 2,673,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 จากปีก่อน หลังหักการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้วเหลือ 2,550,000 ล้านบาท"

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ มีกฎหมายควบคุมดูแลวินัยการเงินการคลังไม่ให้สร้างปัญหาระยะยาวเหมือนในอดีต ยอดหนี้สาธารณะต่ำกว่าเกณฑ์มาก และยังส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนผ่าน PPP ในหลายโครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟฟ้าในเมือง เพื่อให้รัฐสามารถนำงบประมาณไปใช้ในเรื่องอื่นที่จำเป็น โดยเฉพาะเรื่องปากท้องและสวัสดิการสังคมของประชาชน

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้รับข้อร้องเรียนเรื่องความล่าช้าของเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการจดทะเบียนหรือเลิกบริษัทของธุรกิจ SMEs หลังจากที่รัฐบาลรณรงค์ให้ผู้ประกอบการไปจดทะเบียนนิติบุคคลให้ถูกต้องเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แต่ปรากฏว่ามีจำนวนไม่มากนัก ส่วนหนึ่งมาจากความยุ่งยากในการติดต่อราชการ เช่น ต้องรอตรวจสอบภาษีหรือยื่นขอปิดกิจการเป็นเวลานานโดยไม่รู้กำหนด เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการรายใหญ่มากกว่ารายย่อย เป็นต้น จึงเป็นการเปิดช่องให้เกิดการทุจริตเพื่อเร่งรัดขั้นตอนให้เร็วขึ้น

"นายกฯ ได้กำชับให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทบทวนปัญหา และหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือหมดความเชื่อถือกับหน่วยงานราชการ"

ขอขอบคุณ แหล่งภาพ มติชน ไทยรัฐ สยามธุรกิจ

 

 

 


มีผู้อ่านข่าวแล้วจำนวน       ราย